เมื่อวันที่ 3 พฤศจิกายน 2568 เวลา 13.00 น. ณ ห้องประชุม 1 ชั้น 3 สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ : นายเอกชัย เกษมสุขธวัช รองเลขาธิการคณะกรรมการ สำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ปปท.) นายชยุต ภควัตทิพากร ผู้อำนวยการกองกฎหมาย พร้อมคณะ เข้าพบนายสมศักดิ์ อัจจิกุล เลขาธิการสภาทนายความ ผู้แทนนายกสภาทนายความ นายณรงค์รัฐ ภูติรถยา อุปนายกฝ่ายบริหาร และคณะ เพื่อประชุมหารือและเปลี่ยนความคิดเห็นการดำเนินการ ตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 4 พ.ศ. 2568 มาตรา 21/1 เรื่อง หลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไขการให้ความช่วยเหลือในทางคดีแก่บุคคล ซึ่งถูกดำเนินคดี อันเนื่องจากการปฏิบัติหน้าที่เพื่อให้การดำเนินการเกิดความเหมาะสมและรอบคอบตามที่กรรมาธิการได้มีข้อสังเกตุในระหว่างพิจารณากฎหมายไว้ เกี่ยวกับ การกำหนดหลักเกณฑ์วิธีการและเงื่อนไข เกี่ยวกับการจัดทนายความ อาทิ กำหนดคุณสมบัติของผู้ที่จะทำหน้าที่ทนายความ เพื่อให้ความช่วยเหลือในการต่อสู้คดี กรณีที่คณะกรรมการ ป.ป.ท. กรรมการ ป.ป.ท. อนุกรรมการไต่สวน พนักงาน ป.ป.ท. เจ้าหน้าที่ ป.ป.ท. หรือผู้ซึ่งช่วยเหลือบุคคลดังกล่าว ถูกดำเนินคดี ไม่ว่าคดีแพ่ง คดีอาญา หรือคดีปกครอง
นายสมศักดิ์ อัจจิกุล กล่าวเพิ่มเติมว่า เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2563 สภาทนายความได้เคยทำบันทึกข้อตกลงกับสำนักงาน ป.ป.ท. เรื่อง ความร่วมมือในการจัดหาทนายความให้กับผู้ถูกกล่าวหาในการไต่สวนข้อเท็จจริง กรณีเจ้าหน้าที่ของรัฐ กระทำการทุจริตในภาครัฐ ซึ่งเป็นการดำเนินการในส่วนกลางและส่วนภูมิภาค ภาค 1-9 ตามประมวลกฎหมายวิธีพิจารณาความอาญา มาตรา 134/1 โดยการหารือในวันนี้เป็นความร่วมมือให้ความช่วยเหลือในชั้นดำเนินกระบวนพิจารณาคดีดังกล่าวไม่ว่าจะเป็นในชั้นไต่สวนมูลฟ้อง และชั้นพิจารณาคดีของศาลตาม พ.ร.บ. ว่าด้วยมาตรการของฝ่ายบริหารในการป้องกันและปราบปรามการทุจริต แก้ไขเพิ่มเติม ฉบับที่ 4 พ.ศ. 2568 มาตรา 21/1 กำหนดไว้
