เมื่อวันที่ 9 มกราคม 2567 เวลา 11.00 น. ณ ห้องประชุม ชั้น 4 สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความ นายสมพร ดำพริก อุปนายกฝ่ายช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย นายสัญญาภัชระ สามารถ อุปนายกฝ่ายปฏิบัติการ และนายไพบูลย์ แย้มเอม อุปนายกฝ่ายสวัสดิการและสิทธิประโยชน์ ร่วมแถลงข่าว
ดร.วิเชียร กล่าวถึงกรณีปรากฎเป็นข่าวดังทางสื่อมวลชน ที่นางภนิดา ศิริยุทธโยธิน มารดาของแตงโม อดีตดาราสาว เข้าแจ้งความต่อพนักงานสอบสวน สน.วังทองหลาง อ้างว่าถูกที่ปรึกษาทางกฎหมายในคดี ยักยอกเงินค่าชดเชยจากจำเลยในคดีดังกล่าว ว่า ในการประกอบวิชาชีพทนายความมีอิสระในการรับทำคดีให้กับลูกความผู้มีอรรถคดี ส่วนข้อตกลงกันเรื่องค่าใช้จ่ายหรือค่าวิชาชีพ อันนั้นก็สุดแล้วแต่จะมีการตกลงกัน ซึ่งหากไม่เป็นไปตามข้อตกลงกันหรือมีเรียกเงินมาแล้วไปทำให้เกิดความเสียหาย ไม่ว่าจะเป็นการหลอกลวง ฉ้อโกง ยักยอกทรัพย์ก็ดี สภาทนายความฯเรามีข้อบังคับว่าด้วยมรรยาททนายความในการที่จะกำกับทนายความเหล่านั้น จึงขอให้ผู้เสียหายมาร้องต่อสภาทนายความฯ เพื่อให้ดำเนินการกับผู้ที่ทำให้ท่านได้รับความเสียหาย
โดยมีคณะกรรมการมรรยาททนายความ ที่จะดำเนินการตั้งคณะกรรมการขึ้นมาเพื่อจะสอบสวนข้อเท็จจริงและนำเรื่องเข้าสู้การพิจารณาของคณะกรรมการมรรยาททนายความเพื่อที่จะพิจารณาลงโทษต่อไป ซึ่งโทษสำหรับทนายความที่ไปประพฤติผิดมรรยาททนายความ มีทั้งหมด 3 ระดับ ระดับแรกคือ ภาคทัณฑ์ระดับสองคือห้ามเป็นทนายความเป็นระยะเวลานานไม่เกิน 3 ปี ส่วนระดับ 3 รุนแรงที่สุดคือ จะลบชื่อออกจากทะเบียนทนายความ แต่ถ้าเป็นกรณีที่คณะกรรมการมรรยาททนายความพิจารณาแล้วเห็นว่าเป็นความผิดโทษเพียงเล็กน้อยและเป็นความผิดครั้งแรกก็จะว่ากล่าวตักเตือนก็ได้ ซึ่งเป็นไปตามบทบัญญัติที่กำหนดไว้ในพ.ร.บ.ทนายความ พ.ศ.2528 และข้อบังคับสภาทนายความว่าด้วยมรรยาททนายความ