เมื่อวันที่ 31 มกราคม 2566 เวลา 11.00 น. ที่สภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ กรุงเทพมหานคร ดร.วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ พร้อมด้วย นายสุนทร พยัคฆ์ เลขาธิการสภาทนายความ นายวีรศักดิ์ โชติวานิช อุปนายกฝ่ายเทคโนโลยีและสารสนเทศ กรรมการประชาสัมพันธ์ และรองเลขาธิการ นายสมพร ดำพริก อุปนายกฝ่ายช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย ดร.ชัยชีพ ชโลปถัมภ์ กรรมการช่วยเหลือประชาชนทางกฎหมาย และนายฉัตรประพล แย้มเพริศศรี กรรมการบริหารสภาทนายความ ภาค 1 ร่วมแถลงกรณี ผู้เสียหายร้องขอความเป็นธรรมถูกกลุ่มบุคคลในเครื่องแบบรุมทำร้ายร่างกายที่จังหวัดมหาสารคาม ว่า ดร. วิเชียร ชุบไธสง นายกสภาทนายความในพระบรมราชูปถัมภ์ ได้มอบหมายให้นายพรเทพ เจริญพงษ์อนันต์ ประธานสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา ตั้งอยู่ที่ ต.ในเมือง อ.เมืองนครราชสีมา รับเรื่องจากนายเปลวสุริยัน งอมสันเทียะ อาชีพค้าขาย อายุ 50 ปี อยู่บ้านเลขที่ 382 ม.1 ต.สระพระ อ.พระทองคำ จ.นครราชสีมา พร้อมภรรยา ที่เดินทางมายื่นหนังสือขอความช่วยเหลือหลังถูกกลุ่มวัยรุ่นประมาณ 5 คนรุมทำร้ายร่างกายจนได้รับบาดเจ็บสาหัส และเกรงว่าจะไม่ได้รับความเป็นธรรม เนื่องจากหนึ่งในกลุ่มนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ
จากการสอบข้อเท็จจริงของนายเปลวสุริยัน ระบุว่า เมื่อคืนวันที่ 1 มกราคมที่ผ่านมา ได้เดินทางไปทอดกฐินที่บ้านเกิดของภรรยา ที่บ้านดอนเตา อ.พยัคฆภูมิพิสัย จ.มหาสารคาม ภายในงานมีรถแห่ และตนก็ไปร่วมด้วย จู่ๆก็มีชายฉกรรจ์เดินตรงมาต่อยตนประมาณ 3 ครั้งอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย เมื่อตั้งสติได้ ตนพยายามถามว่ามาต่อยผมทำไม ทั้งๆที่ไม่รู้จักกัน แต่ผู้ชายคนนั้นไม่ได้ตอบอะไร ผมจึงพยามยามเดินหนี แต่มาเจอผู้ชายอีกคนเข้ามาถามว่าชกเพื่อนเขาทำไม ตนก็งง แต่ยังไม่ทันตอบ ก็ถูกรัวหมัดใส่ตนไม่ยั้ง กระทั้งมีคนเข้ามาห้ามแล้วพยายามพาตนกลับบ้าน แต่ขณะเดินไปได้สักพักก็มีกลุ่มชายฉกรรจ์เข้ามารุมทำร้ายทั้งเตะทั้งต่อยเป็นรอบที่สาม กระทั้งตนสลบไปและฟื้นอีกทีที่โรงพยาบาล หลังจากเกิดเหตุตนทราบว่ากลุ่มชายฉกรรจ์ทั้งหมดเป็นคนในหมู่บ้านเดียวกันกับภรรยา และหนึ่งในนั้นเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจยศ ร้อยตำรวจเอก อยู่ในพื้นที่ จ.บุรีรัมย์
เนื่องจากตนได้รับบาดเจ็บและรักษาตัวมานานไม่ได้ทำงานจึงขาดรายได้และยังมีค่ารักษาพยาบาลอีกจำนวนมาก จึงเดินทางมาที่สภาทนายความเพื่อให้กลุ่มผู้ที่รุมทำร้ายตนมารับผิดชอบพร้อมกับเกรงว่าอาจจะไม่ได้รับความเป็นเป็นธรรมเพราะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจด้วย
อย่างไรก็ตามในเบื้องต้นประธานสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา ได้รับเรื่องและทราบว่าเหตุการณ์ดังกล่าวเกิดขึ้นในพื้นที่จังหวัดมหาสารคาม แต่เมื่อผู้เสียหายเป็นคนจังหวัดนครราชสีมา และเดินทางมาขอความช่วยเหลือที่สภาทนายความจังหวัดนครราชสีมาจะดำเนินการให้ความช่วยเหลือ รวบรวมพยานหลักฐานต่างๆให้แน่นหนา เพราะมีเจ้าหน้าที่ตำรวจเกี่ยวข้องด้วย และจะส่งเรื่องต่อไปยังสภาทนายความจังหวัดมหาสารคาม เพื่อให้ดำเนินการต่อไป